วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

ภาพพิมพ์แบบ 2 มิติ

<!--[if !supportLists]-->1.1  <!--[endif]-->ทวน ธีระพิจิตร

ศิลปะภาพพิมพ์แบบ 2 มิติ ที่หันมาสนใจการสร้างสรรค์ผลงานด้วยวัสดุธรรมชาติทีปราศจากการเสริมแต่งด้วยสีหรือการแปรสภาพวัสดุเป็นอย่างอื่น โดยให้วัสดุต่ละชนิดได้แสดงคุณสมบัติของสี ผิวและรูปทรงอย่างตรงไป ตรงมา เช่น การนพหนังงูเหลือม หนังสัตว์และเชือกมาผสมผสานสร้างเป็นผลงานที่ชื่อว่า สังขารหมายเลข1” นอกจากนี้ ทวน ยังนำวัสดุอื่นๆ อีกหลายชนิดมาประกอบสร้างเป็นผลงานสื่อผสมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะวัสดุที่เก็บสะสมระหว่างเดินทางไปตามชนบท เช่น เครื่องมือ เครื่องใช้พื้นบ้าน เพื่อสื่อถึงจิตวิญญาณ ความเชื่อและความศรัทธาที่แฝงอยู่ในวิถีชีวิตของชาวชนบท

วิโชค มุกดามณี

1.2  <!--[endif]-->วิโชค  มุกดามณี

        ศิลปินผู้นำลักษณะที่โดดเด่นของวัสดุมาสร้างสรรค์เป็นผลงานทางทัศนศิลป์ เช่น การใช้วัสดุที่ผลิต เพื่อการอุตสาหกรรมมาสร้างผลงานที่มีรูปทรงและลวดลาย ทั้งการเจาะรู มัดเชือก ตรึงด้วยตาไก่โลหะ พ่นด้วยสีสเปรย์ ทั้งยังทดลองนำผลงานขนาดใหญ่เหล่านั้นไปติดตั้งในพื้นที่กว้างภายในหรือบริเวณกลางแจ้ง โดยมีลักษณะเด่นของผลงานเป็นการเน้นความชัดเจนเกี่ยวกับการสะท้อนสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น

มณเทียร บุญมา

1.3  <!--[endif]-->มณเฑียร  บุญมา


ศิลปินผู้มีบทบาทในการสร้างสรรค์ศิลปะแนวใหม่และบุกเบิกการสร้างงานสื่อผสมและศิลปะจัดวาง โดยใช้วัสดุรูปแบบและเนื้อหาแบบไทย ทั้งแบบไทยชนบทและแบบพุทธปรัชญา ทำให้เกิดแนวคิดศิลปะสื่อผสมร่วมสมัยที่มีทั้งความเป็นไทยและความเป็นสากล
นอกจากนี้ มณเฑียรยังเลือกที่จะใช้วัสดุอุปกรณ์จากท้องถิ่น เช่น ดิน ทราย ถ่าน ขี้เถ้าดินเผา รวมไปถึงเครื่องมือทางการเกษตร เช่น ผลงานที่ชื่อว่า เจดีย์ดำที่มีการใช้วัสดุแบบธรรมชาติอย่างดิน ถ่านและแป้งข้าวเจ้า สื่อถึงประเพณีเกี่ยวกับความตายของชาวพุทธ เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว มักนำศพไปเผาและนำเถ้ากระดูก บรรจุไว้ในสถูปเจดีย์ หรือในผลงาน สองผู้ใหญ่ จากตะวันตกและตะวันออกที่ใช้กระดาษสองแผ่น ที่เคลือบดินแดงและจัดรูปแบบคล้ายไม้กางเขนแทนพระเยซูคริสต์ ส่วนอีกชิ้นมีการจัดวางให้มีโครงสร้างคล้ายการนั่งสมาธิเพื่อแทนสัญลักษณ์ การบรรลุสัจธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วใช้ขี้เถ้าผงถ่านมาสร้างรูป และเคลือบบนแผ่นกระดาษเพื่อแสดงถึงความเชื่อและพฤติกรรมของชาวพุทธที่เผาร่างเมื่อสิ้นชีวิตลง

ถาวร โกอุดมวิทย์

1.4  <!--[endif]-->ถาวร โกอุดมวิทย์

ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์หลาบรูปแบบมีการเลือกใช้วัสดุหลายประเภท เช่น กิ่งไม้ กระดาษสา เชือก แผ่นทองคำเปลว ไปจนถึงวัตถุที่มีลักษณะพิเศษสามมิติ ผลงานของถาววรในระยะแรกเสนอแนวคิดเกี่ยวกับพิธีกรรมของชาวจีนและการเซ่นไหว้บรรพบุรุษ โดยใช้กระดาษสา เป็นพื้นภาพในการพิมพ์
ต่อมาในระยะหลังจึงใช้วัสดุอื่นๆ ประกอบการสร้างสรรค์ เช่น ใบไม้ กิ่งไม้  กิ่งไผ่ โดยนิยมใช้วัสดุสำเร็จรูปและสร้างผลงานสื่อผสมที่มีลักษณะสามมิติ ลักษณะพิเผสผาและสำคัญที่อยู่ในผลงานแทบทุกชิ้นของถาวร คือความรู้สึกในเรื่องวิญญาณ ความเชื่อ พิธีกรรม การบูชาในธรรมชาติที่เป็นผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งและเลือกใช้วัสดุที่ได้จากธรรมชาติ ดังเช่นผลงานที่ชื่อว่า “Gold & Silver Paper A”ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างขึ้นโดณะบางประการที่แสดงออกในพิธีกรรม

กมล เผ่าสวัสดิ์

1.5  กมล   เผ่าสวัสดิ์

ผู้บุกเบิกศิลปะเชิงแนวคิดและงานศิลปะจัดงาน ในประเทศไทยและเป็นศิลปินสื่อวิดิทัศน์ที่มีผลงานจัดแสดงมากมายนิยมสร้างผลงานศิลปะแนวตั้ง
งานของกมลแนวส่วนใหญ่ได้รับการสร้างสรรค์โดยคำนึงพื้นที่จัดแสดงเป็นหลัก  เพื่อให้ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมและปฏิสัมพันธ์กับผลงานเช่น  ผลงานชุด mode  of  moral  being  ซึ่งนำเอากระโจมผ้าสีขาว โปรงใสมาคลุมอยู่รอบจอ  ฉายภาพวิดิทัศน์  ผลงานเป็น media art  เนื้อหาสาระของผลงานต้องการสะท้อนแนวคิดปัญหาสังคมเกี่ยวกับสุภาพสตรีที่มาขายบริการในย่านพัฒพงศ์ ว่าเหตุผลที่พวกเธอต้องเลือกมาทำอาชีพนี้เพราะสาเหตุหรือจำเป็นอะไร เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจ  มุมมองของชีวิติอีกด้านหนึ่ง

กมล ทัศนาญชลี

กมล  ทัศนาญชลี

ผู้บุกเบิกการแสดงออกทางทัศนศิลป์รูปแบบใหม่ๆ  ด้วยการนำประสบการณ์ตรงที่ได้รับจากการศึกษาจากต่างประเทศ ตลอดจน การเดินทางไป ณ ที่ต่างๆ มานำเสนอในผลงาน เช่น  การพิมพ์ภาพแม่พิมพ์โลหะลงบนกระดาษทำเอง แล้วผสมด้วยการนำภาพหรือวัสดุต่างๆ มาติดสร้างเป็นรูปทรงต่างๆ หรือการจัดวางประติมากรรมรูปหลอดสีขนาดใหญ่ ในห้องนิทรรศการโดยตั้งหลอดสีให้คว่ำอยู่กับพื้นและใช้สีโรยเป็นเส้นคล้ายสีออกมาจากหลอดสี ผลงานของกมลนิยมสร้างแบบ 3 มิติ และมีการนำรูปภาพทางศิลปะ และ วัฒธรรมไทยผสมผสานลงไปในผลงาน เช่น ชุดหนังใหญ่ ว่าวไทย  เป็นต้น คู่รักโมนาลิซาและแวนก๊อกกมลได้นำกระดาษขึ้นมาเป็นกล่อง แล้วนำวัสดุเหลือใช้ รวมไปถึงวัสดุสำเร็จรูป ภาพถ่ายเอกสารบนกระดาษนำมาตัดต่อ เป็นรูปทรงของหลอดสีผูกมัดติดกันด้วยเชือก ประหนึ่งไม่ให้แยกจากกัน  คล้ายคู่บ่าวสาวสวมมงคลในพิธีแต่งงานของไทย มีการนำซิปซึ่งเป็นวัสดุสำเร็จรูปมาติดลงบนหลอดสีขนาดเจาะลึกลงไปหลายชั้น อีกด้านนึงของกล่องได้นำพู่กันใช้แล้วขนาดต่างๆมาเสียบไว้ ผลงานโดยรวมเพื่อจะสะท้อนแนวคิดว่า แวนก๊อก และ โมนาลิซา ล้วนเป็นผู้ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพู่กันทั้งสิ้น

ซลูด นิ่มเสมอ

1.6  <!--[endif]-->ซลูด นิ่มเสมอ

ศิลปินผู้มากประสบการณ์และความสร้างสรรค์ศิลปะอันทรงคุณค่า  ทั้งประติมากรรม       จิตกรรม  ภาพพิมพ์ และสื่อผสม เป็นผู้บุกเบิกการสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์แนวใหม่  โดยเฉพาะการทดลองสร้างงานสื่อผสมโดยการใช้วัสดุต่างๆทั้งที่ได้จากธรรมชาติ และที่เป็นผลผลิตของมนุษย์
ชะลูดนิยมนำวัสดุสำเร็จรูปและสิ่งของที่ใช้แล้วมาผสมกันเป็นประติมากรรม เช่น ผลงาน ที่ชื่อ โลกธรรมซึ่งใช้กระดาษที่ทำขึ้นเองนำมาย้อมสีด้านซ้ายและด้านขวาอย่างละครึ่งโดยมีกิ่งไม้เล็กๆวางเรียงกันเป็นระเบียบหมุนวนเป็นก้นหอยนาฬิกาเพื่อสื่อถึงความหมายให้ถึงโลกธรรม คือ โลกแห่งความจริงที่ทุกคนต้องประสบ หรือ บันทึกชีวิติประจำวัน 2523-2537”  งานสื่อผสมที่นำวัสดุสิ่งของต่างๆ ทั้งจดหมาย ภาพวาด ภาพถ่าย มาติดยึดรวมกันด้วยเชือกไนล่อน เป็นต้น

เกร็ดศิลป์

เกร็ดศิลป์

พระบรมโพธิสมภาร ประติมากรรมรูปต้นโพธิ์เรียบง่ายในรูปทรงกลมสร้างด้วยทองเหลืองปิดทอง ตั้งบนฐานหินแกรนิตสีแดง ด้านบนตรงกลางของพุ่มโพธิ์ มีเครื่องหมายธรรมจักร และ จักราวุธซ้อนวงกัน ประติมากรรมนี้อยู่หน้าหอประชุมมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ สร้างใน พ.2531 ในความหมายเกี่ยวกับสถาบันชาติที่คุ้มครองป้องกันศาสนาด้วยพระบารมีของพระมหากษัตริย์ เชื่อมโยงไปถึงมหาวิทยาลัยที่ถือกำเนิดจากชาวไทยเชื้อสายจีนโพ้นทะเลที่ต้องการแสดงความกตัญญูสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจนได้รับความร่มเย็นเป็นสุขทั่วหน้ากันภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระองค์


<!--[if !supportLists]-->2.    <!--[endif]-->ศิลปินด้านภาพพิมพ์สมัยใหม่

ภาพพิมพ์หรือศิลปะภาพพิม์ได้รับการการพัฒนาขึ้นในประเทศไทย เมื่อประมาณ พ.2507 โดยมีชะลูด นิ่มเสมอ เป็นผู้บุกเบิกคนสำคัญที่คณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตศิลปินด้านภาพพิมพ์ที่สร้างชื่อเสียง ให้กับประเทศด้วยการคว้ารางวัลในระดับนานาชาติติดต่อกันหลายท่าน จนทำให้ศิลปะภาพพิมพ์สมัยใหม่เป็นที่สนใจของนักศึกษา ศิลปะ และ วงการศิลปะในช่วงเวลาต่อมาโดยมีศิลปินคนสำคัญ คือ

2.1  พิษณุ   ศุภนิมิต

ศิลปินที่มีผลงานศิลปกรรมจัดแสดงและได้รับรางวัลต่างๆมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศบทความและวิจารณ์คุณภาพที่มีชื่อเสียงที่ได้รับรางวัลสำคัญหลายรางวัล  และเป็นผู้ริเริ่มโครงการภพิพิธภัณฑ์ศิลปะกลางแจ้งขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
พิษณุมีจุดเริ่มต้นการสร้างผลงานทัศนศิลป์จากงานภาพพิมพ์  โดยระยะแรกอาศัยรูปทรงธรรมชาติมาเป็นแนวคิดในการพัฒนาจนนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลงานในเชิงนามธรรม  จากประสบการณ์ที่พบเห็นมาเกือบ 40 ปี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีเนื้อหาสอดแทรกเรื่องราวจากประสบการณ์ที่ได้พบเห็น  รวมถึงความประทับใจระหว่างการเดินทางและการท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆทั่วโลก ผ่านกระบวนการทางศิลปะที่หลีกเลี่ยงการทำลายธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม ด้วยการวาดและภาพพิมพ์สีน้ำแทนสารเคมีหรือนำแผ่นสังกะสีที่เหลือใช้จากโรงพิมพ์มาเป็นอุปกรณ์ในการทำงานจนได้รับการตอบรับจากผู้สนใจเป็นอย่างมาก

2.2  สุรสีห์   กุศลวงศ์

ศิลปินด้านสื่อ ทัศนศิลป์ที่มีชื่อเสียงในระดับนานาชาติ สุรสีห์จบการศึกษาจากคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และ ภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร หลังจากนั้นได้รับทุนจากรัฐบาลเยอรมณีไปศึกษาต่อจนจบการศึกษาในระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัย  hochschule   fur  bildende  kunste braunschweig  เมืองบราวน์ชไวน์  ประเทศเยอรมนี  สุรสีห์ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะมานานกว่า  15 ปี  เป็นผู้นำแนวคิดทางศิลปะมาสร้างสรรค์ผลงาน ภาพพิมพ์ ในลักษณะรูปทรงนามธรรมที่มีพื้นผิวและจังหวะ ของน้ำหนักสีประสาน สัมพันธ์กันกับพื้นที่ว่าง ต่อมาสนใจนำเสนองานด้วยแนวคิดและการใช้พื้นที่แบบศิลปะติดตั้งจัดวาง


2.3  ญาณวิทย์  กุญแจทอง
ศิลปินผู้มีผลงานทางทัศน์ศิลป์ที่ได้รับการพัฒนาในหลายช่วงเวลานับจากความสนใจด้านพื้นผิว และวัสดุหลากชนิด   โดยนำมาสร้างสรรค์และจัดองค์ประกอบในลักษณะนามธรรม  แสดงทัศนะและความรู้สึกที่มีต่อวัสตถุและเทคโนโลยี

ต่อมาญาณวิทย์สนใจศึกษาค้นคว้า ทดลองสกัดและสังเคราะห์จากธรรมชาติและดอกไม้ แล้วนำมาสร้างสรรค์ผลงานทางทัศนศิลป์ แบบ โบรเซส อาร์ต ซึ่งเป็นแนวทางสร้างผลงานศิลปะด้วยวัสดุที่มีความคงทนถาวร เช่น น้ำแข็ง น้ำ หญ้า ขี้ผึ้งและไขมัน วัสดุเหล่านั้นจะค่อยๆแปรเปลี่ยน และเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติ  โดยนำเสนอกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นจนเป็นภาพพิมพ์

<!--[if !vml]-->https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT8nF8tCDZDDF9ZTnghK_7Aggv0cVZYPKjbTy3b4oQE28bn2b0vLMy93jJz<!--[endif]-->







<!--[if !vml]-->https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRZq43Rfd-WPF5ShJgQp8Wp-TRArZV9VHgjVu7JBNdlI-jhBZv-Cp3y5Hc<!--[endif]-->















สรุป

ผลงานทัศนศิลป์ของศิลปินแต่ละท่านจะมีความแตกต่างกันออกไป   ตามสภาพแวดล้อมและสิ่งต่างๆ     ทั้งด้านการเมืองเศรษฐกิจ  สังคม   ตลอดจนความรู้สึกนึกคิด  ความปรารถนาและจิตนาการของศิลปิน  ซึ่งการศึกษาทัศนศิลป์ของศิลปินแต่ละท่าน  ตลอดจนสามารถนำมาประยุกต์ในการสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ของตนได้


<!--[if !vml]-->https://encrypted-tbn3.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTcnjPxPeJ9dLmcZEVFLNscqc_gGgLpXDmjO731ZWJPWmltQA6a-R2ThA<!--[endif]-->
<!--[if !vml]-->https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcSQXLi_I2bvZ65wFQNHPyPedwV6LlkaxqRakpqisW_VMkCE7IBS4O8EZBxE<!--[endif]-->